ธุรกิจแบบ B2B Marketing คืออะไร ? เนื้อหาครบจบ ในที่เดียว ! ขอใบเสนอราคา

b2c-marketing-1
ปัจจุบันการทำธุรกิจ E-Commerce มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ B2B B2C และ B2G ซึ่ง E-Commerce ย่อมาจาก Electronic Commerce โดยมีความหมายคือ เป็นการทำธุรกิจโดยซื้อขายสินค้าหรือโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันสื่อที่นิยมได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ และที่มีการใช้งานมากที่สุดในปัจจุบันก็คืออินเทอร์เน็ต สามารถใช้ได้ทั้งข้อความ เสียง ภาพ และคลิปวิดีโอในการสื่อสารเพื่อทำธุรกิจได้ โดยในวันนี้รูปแบบของธุรกิจที่เราเลือกมาให้เราได้ทำความรู้จัก คือการทำธุรกิจแบบ B2B
แล้วธุรกิจแบบ B2B ที่ว่ามานี้เป็นธุรกิจแบบไหน มีรูปแบบการทำตลาดอย่างไร และมีความแตกต่างจากธุรกิจแบบอื่นหรือไม่ เรามาเริ่มแก้ไขข้อสงสัยเหล่านี้ไปพร้อมๆกัน ดังนี้

ธุรกิจแบบ B2B Marketing คืออะไร

b2c-marketing-4

การทำธุรกิจ B2B เป็นการทำธุรกิจ E-Commerce แบบ B2B หรือ Bussiness-to-Bussiness ก็คือธุรกิจที่ทำการค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็เป็นหน่วยงานธุรกิจเหมือนกัน วัตถุประสงค์ในการซื้อขายจะเป็นไปในทางการเพิ่มคุณค่าให้สินค้าและบริการ หรือซื้อสินค้าและบริการเพื่อนำสินค้าหรือบริการนั้นๆไปผลิตและจัดจำหน่ายต่อไป

โดยลักษณะเด่นของธุรกิจประเภทนี้ คือจะมีปริมาณในการซื้อและขายที่ค่อนข้างสูงกว่าธุรกิจที่ทำการค้าให้แก่ผู้บริโภค หรือที่เรียกว่า B2C (Bussiness-to-Customer) ที่เป็นการขายสินค้าไปยังผู้บริโภคโดยตรง ไม่ต้องมีการพึ่งพากลุ่มพ่อค้าคนกลาง หรือ ผู้จัดจำหน่าย เพื่อต้องการกระตุ้นที่จะทำกำไรได้มากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านคนกลางใดใด
Search-amico

เหตุผลที่ธุรกิจแบบ B2B ควรทำ Online Marketing

โดยส่วนใหญ่แล้วการทำธุรกิจ B2B จะมีการทำการตลาดแบบออฟไลน์ เช่น การเข้าหาลูกค้าโดยตรง มีบูธที่ประกาศสินค้าและบริการ สื่อต่างๆที่ให้แก่ลูกค้าโดยตรง หรือ Outdoor Advertising แต่ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันเป็นยุคที่การตลาดออนไลน์กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราควรคว้าโอกาสจากการตลาดออนไลน์นี้เอาไว้ เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของธุรกิจในหลายๆช่องทาง ป้องกันให้ธุรกิจไม่ล้าหลัง และป้องกันการเสียโอกาสทางการค้า

1. เปิดโอกาสทางการค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย

ปัจจุบัน Google เป็นเครื่องมือที่ผู้คนทั่วโลกใช้ในการค้นหาสิ่งต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจ B2B ด้วย โดยคนมักจะสนใจ เว็บไซต์ที่ขึ้นใน 3 อันดับแรก นั่นหมายความว่าหากเว็บไซต์ของคุณสามารถขึ้นมาอยู่ใน 3 อันดับแรกแล้วล่ะก็ คุณจะสามารถปิดโอกาสทางการค้าของคู่แข่งได้

ซึ่งโดยปกติแล้วพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นจะสนใจเพียงหน้าแรกของการผลการค้นหาเท่านั้น บริษัทที่เว็บไซต์ขึ้นในหน้าที่ 2 เป็นต้นไป จึงมีการเข้าถึงได้น้อย และน้อยลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นหากเราช่วงชิงโอกาสทางการเข้าถึงมาจากคู่แข่งได้มาก ยอดขายของคุณก็จะมากด้วยเช่นกัน
hospitality_04
Active-Support-amico

2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ

การที่บริษัทมีเพียงช่องทางออฟไลน์ อาจบ่งบอกถึงความล้าหลัง ไม่ทันเทคโนโลยี ส่งผลให้บริษัทขาดความน่าเชื่อถือไปกับเรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะกับธุรกิจแบบ B2B ที่ดำเนินธุรกิจโดยใช้ความน่าเชื่อถือและความสามารถในการทำให้ลูกค้าเข้าใจเกี่ยวกับตัวสินค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

เนื่องจากธุรกิจ B2Bเป็นธุรกิจที่ปริมาณการซื้อสูง ความน่าเชื่อถือจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจ เป็นคู่ค้ากับเรา การเพิ่มความน่าเชื่อถือโดยการทำการตลาดออนไลน์ อย่างแรกคือ การสร้างเว็บไซต์ Facebook Official วัตถุประสงค์เพื่อการอัปเดตข้อมูลต่างๆของบริษัท อีกทั้งยังสามารถเป็นสื่อกลางในการติดต่อเจรจาทางการค้าเบื้องต้น เพื่อเพิ่มความเข้าใจในตัวสินค้าให้แก่ลูกค้าได้อีกด้วย

สรุป

ธุรกิจแบบ B2B นั้นเป็นธุรกิจที่ทำการค้ากับธุรกิจด้วยกัน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็เป็นหน่วยงานธุรกิจเช่นกัน ซึ่งจะมีปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างสูง โดยแตกต่างจากธุรกิจประเภท B2C ที่เป็นการขายสินค้าไปยังผู้บริโภคโดยตรง ไม่ต้องมีการพึ่งพากลุ่มพ่อค้าคนกลาง หรือผู้จัดจำหน่าย โดยธุรกิจแบบ B2B จะมีการใช้ช่องทางการตลาดแบบออฟไลน์เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันการตลาดออนไลน์ไม่ได้เป็นเพียงการตลาดทางเลือกสำหรับธุรกิจ B2B อีกต่อไป ซึ่งการเปิดโอกาสทางการขายและการสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจ B2B ในยุคปัจจุบันอย่างมาก ดังนั้นหากคุณนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้ ธุรกิจ B2B ของคุณนั้น ก็จะสามารถสร้างธุรกิจให้มีความน่าเชื่อถือ ทันยุคสมัย เข้าถึงได้ง่าย และยังสามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจในแบบของคุณได้อีกด้วย