
เคยไหมที่เห็นสินค้าแฟชั่นบางอย่างแล้วรู้สึกว่า “ต้องมี” ทันที เช่น รองเท้า Adidas Samba ที่แม้จะเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1949 แต่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในปัจจุบัน หลายคนอาจเข้าใจว่ากระแสนี้เกิดจากอินฟลูเอนเซอร์และคนดังที่สวมใส่ หรือการแนะนำจากดีไซเนอร์ชื่อดัง แต่ในความเป็นจริง กระแสเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ
Pallipau ติ๊กต็อกเกอร์ที่เคยทำงานกับ McKinsey ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ว่า ความฮิตที่วนกลับมาของสินค้าคลาสสิกเหล่านี้เป็นผลมาจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่วางแผนไว้อย่างแม่นยำ ซึ่งเรียกว่า Hype Cycle หรือ วงจรของกระแสฮิตในวงการแฟชั่น
Hype Cycle : เมื่อแบรนด์เป็นผู้กำหนดกระแสแฟชั่น
ในขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจคิดว่า แฟชั่นเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล หรือ แนวโน้มที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ความจริงแล้ว แบรนด์แฟชั่นระดับโลกมีแผนการตลาดที่ชัดเจนและกำหนดล่วงหน้าได้ว่าสินค้ารุ่นใดจะถูกโปรโมทในปีนี้หรือปีถัดไป โดยอาจทุ่มงบประมาณกว่า 90% ไปกับสินค้ารุ่นที่ต้องการผลักดันออกสู่ตลาด
การควบคุมกระแสแฟชั่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขายเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ และรักษาความภักดีของลูกค้าอีกด้วย
4 ขั้นตอนสำคัญของ Hype Cycle
✅ การสร้างกระแส (Hype Generation)
แบรนด์เลือกโปรโมทสินค้าผ่านอินฟลูเอนเซอร์ เซเลบริตี้ และนักสร้างคอนเทนต์ ให้พวกเขาสวมใส่และแชร์ลงบนโซเชียลมีเดีย เมื่อภาพและวิดีโอเหล่านี้แพร่กระจายออกไป ผู้บริโภคจะเริ่มให้ความสนใจและรู้สึกว่าสินค้าชิ้นนั้นกำลังเป็นที่ต้องการ
✅ จุดพีคของกระแส (Peak Hype)
เมื่อสินค้าถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย แบรนด์จะเร่งสร้างกระแสผ่านแคมเปญโฆษณา การรีวิว และการใช้สื่อมวลชน เพื่อเพิ่มความต้องการในตลาด เกิดปรากฏการณ์ FOMO (Fear of Missing Out) ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องซื้อสินค้าก่อนที่มันจะหมดไป
✅ ช่วงเวลาของการลดกระแส (Decline Phase)
เมื่อสินค้าถูกมองว่าเป็น “กระแสหลัก” และเริ่มอิ่มตัว แบรนด์จะค่อย ๆ ลดการโปรโมทและปล่อยให้กระแสซาลง จุดนี้อาจทำให้ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกว่าสินค้าดูไม่น่าสนใจอีกต่อไป และหันไปมองหาสินค้าใหม่ ๆ
✅ การหวนคืนของกระแส (Resurgence)
หลังจากปล่อยให้สินค้าหายไปจากตลาดระยะหนึ่ง (ประมาณ 3-5 ปี) แบรนด์จะนำสินค้ากลับมาโปรโมทใหม่ โดยอาจเพิ่มการปรับดีไซน์หรือสร้างเรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสินค้านั้น กลับมา “อิน” อีกครั้ง และพร้อมที่จะซื้อ
Hype Cycle กับพฤติกรรมผู้บริโภค
ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลสูง แบรนด์สามารถควบคุมกระแสและความต้องการของผู้บริโภคได้ง่ายกว่าที่เคย พวกเขาสามารถทำให้เราเชื่อว่า เราเลือกซื้อสินค้าเพราะรสนิยมของตัวเอง แต่แท้จริงแล้ว เราอาจกำลังอยู่ในเกมการตลาดของแบรนด์ตั้งแต่ต้น
ตัวอย่างเช่น
- Adidas Samba และ New Balance 550 กลับมาฮิตเพราะแบรนด์เลือกโปรโมท
- Louis Vuitton x Supreme สร้างความต้องการผ่านความหายาก
- Crocs จากที่เคยถูกมองว่า “เชย” กลับกลายเป็นไอเทมแฟชั่นด้วยการร่วมมือกับแบรนด์สตรีทแวร์
Hype Cycle ไม่ใช่แค่เครื่องมือขายสินค้า แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้เพื่อรักษาความต้องการในตลาดให้อยู่เสมอ
บทสรุป: แฟชั่นเป็นเรื่องของกระแส… หรือกลยุทธ์?
แฟชั่นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะความชอบของผู้บริโภคหรือเทรนด์ที่เกิดขึ้นเอง แต่เกิดจาก กลยุทธ์ของแบรนด์ที่วางแผนมาอย่างดี เพื่อทำให้สินค้าของตนกลับมาได้รับความนิยมเป็นระยะ ๆ
การเข้าใจ Hype Cycle ช่วยให้เรารู้เท่าทันกลยุทธ์การตลาด และทำให้สามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้นแทนที่จะไหลไปตามกระแสโดยไม่รู้ตัว
ในฐานะผู้บริโภค เราควรถามตัวเองทุกครั้งก่อนซื้อว่า “เราต้องการสินค้านี้จริง ๆ หรือแค่ถูกกระแสชักจูง?” แล้วคุณคิดว่าของที่คุณซื้อครั้งล่าสุด เป็นเพราะความชอบจริง ๆ หรือเพราะ Hype Cycle?
หากต้องการที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ หรือ branding สามารถติดต่อมาได้ที่ TBS Marketing
Contact Us
LINE: https://line.me/ti/p/~@tbsmarketing
Tel. 027178179Website: www.tbs-marketing.com