สร้างแคมเปญสุดสร้างสรรค์ที่ทำให้เกิดการแชร์อย่างล้นหลาม
ยังคงเป็นจริงเสมอที่ว่า เมื่อพูดถึงการตลาด คอนเทนต์ก็คือพระราชาดีๆ นี่เอง
ไม่มีข้อสงสัยเลยว่ายิ่งคุณสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมากเท่าไร และยิ่งจำนวนของการแชร์และลิงก์ที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมจะนำไปสู่ การจัดอันดับที่สูงขึ้น
แต่ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จจริงๆ คุณจะต้องเลือกคอนเทนต์ของคุณอย่างชาญฉลาดด้วย ด้วยอัตราการไหลทะลักของข้อมูลเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต บริษัทของคุณต้องการกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์และชัดเจนซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว
ตามที่ Moz ได้อธิบายไว้ว่า หนึ่งในลักษณะที่สำคัญที่สุดของคอนเทนต์ที่ดีก็คือ “การสร้างการมีส่วนร่วมทางอารมณ์”
คุณจำเป็นต้องดึงอารมณ์ร่วมของผู้อ่านด้วยสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดและใช้ประโยชน์จากอารมณ์นั้น
ตัวอย่างเช่น: คอนเทนต์ไวรัล
สิ่งใดๆ ก็ตามในโลกนี้อาจมีศักยภาพมากพอที่จะกลายเป็นไวรัลหรือกระแสยอดฮิต ไม่ว่าจะเป็นแค่ภาพ GIF ของเจ้าเหมียวตัวหนึ่งหรือการถกเถียงกันถึงเรื่องสีที่แท้จริงของชุดๆ หนึ่ง ความแตกต่างของแคมเปญไวรัลที่ไม่เหมือนไวรัลทั่วไปก็คือการมีสาส์นที่ต้องการสื่อถึงลูกค้าที่ชัดเจนรวมอยู่ในคอนเทนต์ด้วย
และถึงแม้การคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะกลายเป็นไวรัลนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ยังมีกลยุทธ์เด็ดๆ บางประการที่จะช่วยให้คอนเทนต์ของคุณกลายเป็นกระแสได้ง่ายๆ คือ
- ต้องปลุกเร้าอารมณ์ – อารมณ์ขันเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องนี้ แต่คอนเทนต์ไม่จำเป็นต้องตลกโปกฮาเพื่อให้กลายเป็นกระแสเสมอไป อาจจะเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น – แคมเปญที่ช่วยสร้างความมั่นใจในรูปร่างของตนเองในเชิงบวกของโดฟ (Dove) ที่ปล่อยออกมาเมื่อไม่นานมานี้เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ หรืออาจจะเป็นเรื่องของการกุศล ใครบ้างล่ะที่จะไม่เสียน้ำตาให้กับโฆษณาที่เกี่ยวกับสัตว์ของ ASPCA? ไม่ว่ามันคืออะไร ตัดสินใจให้แน่วแน่เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกที่คุณกำลังพยายามที่จะถ่ายทอด และส่งมอบข้อความเหล่านั้นด้วยวิธีที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้
- มองหาวิธีใหม่ ๆ ในการนำเสนอเนื้อหาแบบเดิมๆ ตัวอย่างเช่น ผมเพิ่งปล่อยภาพยนตร์ SEO: The Movie เดิมที มันจะออกมาในรูปแบบบล็อกหรือ ebook แบบเดิมๆ แต่ผมก็ฉีกมันออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดและยังนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นนอกกรอบ ดังนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่ามันได้รับความสนใจมากกว่าปกติ
- ทำให้สิ่งธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งพิเศษ – รู้จัก Dos Equis Most Interesting Man in the World กันไหมครับ? แคมเปญนี้เปลี่ยนเบียร์ธรรมดาๆ ให้เป็นการกระตุ้นความสนใจบนอินเทอร์เน็ต โดยการดึงดูดความรู้สึกของผู้ชมในเรื่องการผจญภัย
เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหาด้วยเสียง
การค้นหาด้วยเสียง เป็นเทรนด์ใหม่ล่าสุดของการค้นหาบนอินเทอร์เน็ต และไม่มีแนวโน้มว่าเทรนด์นี้จะชะลอตัวลง
ในความเป็นจริงแล้ว 20% ของการค้นหาบนโทรศัพท์มือถือด้วย Google ทุกวันนี้จะกระทำผ่านการค้นหาด้วยเสียง และขั้นตอนแรกในการสั่งงานด้วยเสียง คือ การทำความเข้าใจว่าวิธีการค้นหาด้วยเสียงแตกต่างจากการค้นหาแบบดั้งเดิมอย่างไร ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือ วิธีการที่การสืบค้นข้อมูลถูกตีกรอบด้วยการค้นหาด้วยเสียง การสืบค้นข้อมูลมักจะเป็นในรูปแบบคำถามและมักจะเป็นคำพูดเชิงสนทนามากกว่า
เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังปรับกลยุทธ์ของคุณสำหรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ คุณจำเป็นต้องเข้าใจสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหาโดยขอรับรายการการค้นหาและสืบค้นข้อมูลด้วยเสียงและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหา
ยกตัวอย่างเช่น 22% ของการค้นหาด้วยเสียงเป็นการค้นหาเนื้อหาและข้อมูลในท้องถิ่น นั่นหมายความว่าธุรกิจท้องถิ่นหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้นหาในท้องถิ่น จะต้องเริ่มคำนึงถึงการทำ SEO ในท้องถิ่นของตนอย่างจริงจัง โดยการแสดงตนว่าเป็นเจ้าของในหน้า Google My Business หรือการมีส่วนร่วมใน Yelp เป็นต้น
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยเสียงที่ประสบความสำเร็จ คือ ประสิทธิภาพของหน้าเว็บของคุณในการเข้าครองอันดับที่ 0 (Coveted Position 0) บน SERP ของ Google
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Features Snippet ซึ่งหมายถึง ชุดข้อความที่คาดว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ที่ปรากฏในหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นเหนือผลการค้นหาอันดับแรกใน Google ด้วยคำพาดหัวและข้อความสั้นๆ
ตัวอย่างข้อมูลหรือ Snippet จะถูกดึงมาโดยตรงจากหน้าของเว็บไซต์ และเมื่อ Google Home หรือ Google Assistant ส่งคำตอบเพื่อตอบคำถามของผู้ค้นหา มันจะดึงตัวอย่างข้อมูลโดยตรงจากเว็บไซต์ที่จัดอันดับอยู่ในตำแหน่ง 0
ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณมีความโดดเด่นในผลการค้นหาด้วยเสียงของ Google คุณจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพตำแหน่งของตัวอย่างข้อมูล
คำแนะนำ:
- มีคำตอบที่ตรงกับคำถามที่ด้านบนของหน้าเว็บ เพราะ Google มักจะดึงตัวอย่างข้อมูลที่น่าสนใจจากการค้นหาโดยตรงจากแหล่งที่มา ดังนั้น การที่เว็บไซต์ของคุณมีข้อความคำตอบสั้นๆ ใกล้ด้านบนของหน้าเว็บไซต์ จะเป็นการเพิ่มโอกาสที่คุณจะได้รับการจัดอันดับที่ตำแหน่ง 0
- จัดแจงเจาะจงวิธีจัดโครงสร้างคอนเทนต์ของคุณช่วยได้อย่างมาก ใช้รูปแบบ Q&A และ FAQ เพื่อส่งสัญญาณถึงคำตอบสำหรับคำถามที่น่าสนใจและเฉพาะเจาะจง
- เลือกใช้คอนเทนต์ที่เน้นความยาว (Long-form content) ที่จะมีการอธิบายให้เห็นภาพและสร้างความเข้าใจได้มากขึ้น การศึกษาล่าสุดได้แสดงให้เห็นว่าหน้าเว็บที่ใช้รูปแบบคอนเทนต์ที่เน้นความยาว (สองถึงสามพันคำ) มีแนวโน้มที่จะมีตัวอย่างข้อมูลที่น่าสนใจในการค้นหา
- การวิจัยคำหลัก (Keyword research) หรือการคัดเลือกกลุ่มคำที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และอย่างที่ทราบกันดี การวิจัยคำหลัก นั้นมีความสำคัญต่อการทำ SEO และการขึ้นสู่ตำแหน่ง 0 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทราบประเภทของคำถามที่คุณกำลังตั้งเป้าหมายอย่างดี และไม่ใช่สำหรับเพียงแค่คำหลักเท่านั้น ยังรวมถึงคำที่เกี่ยวข้องด้วย
- สร้างรายการคำถามที่ผู้ใช้อาจจะถามเกี่ยวกับหน้าเว็บของคุณ ตอบทุกคำถามด้วยความกระชับและรัดกุมที่คาดว่าน่าจะกลายเป็นตัวอย่างข้อมูลที่น่าสนใจในการค้นหาได้
- โฟกัสที่คำถามประเภททำไมและอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่ได้รับการเลือกให้เป็นตัวอย่างข้อมูลที่น่าสนใจในการค้นหามากที่สุด