Meta Titles คือหนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดของ SEO บนหน้าเว็บ และอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการจัดอันดับในหน้าการค้นหาของ Google โดย Meta Titles เป็นส่วนหนึ่งของ Meta Tags ซึ่งทำหน้าที่ในการบ่งบอกว่าเนื้อหาหน้านั้นๆเกี่ยวกับเรื่องอะไร ซึ่งการเขียน Meta Title นั้นจะเป็นการเขียนผ่านทาง HTML Code
Meta Tags หลักๆ มี 3 แบบคือ
- Meta Descriptions
- Meta Keywords
- Meta Titles ที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้
เคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้จะทำให้คุณสามารถสร้าง Meta Titles ที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสแสดงผลบนหน้าการค้นหาของระบบ search engine อาทิเช่น Google เป็นต้น ซึ่งจะสามารถเพิ่มโอกาสในการนำผู้สนใจเข้าชมเว็บไซต์ให้มากขึ้นต่อไปอีกด้วย
Meta Titles คืออะไรทำไมถึงมีความสำคัญ
Meta Titles เป็นองค์ประกอบ HTML ที่ระบุชื่อของหน้าเว็บ เครื่องมือค้นหามักใช้ Meta Titles เพื่อแสดงหน้าในผลการค้นหา และbrowserยังใช้ชื่อเหล่านี้เพื่อแสดงหน้าในแท็บเบราว์เซอร์ Meta Titles มีความสำคัญเนื่องจากช่วยปรับปรุงการมองเห็นหน้าเว็บในผลการค้นหา และยังช่วยบ่งบอกว่าหน้าเว็บต่างๆที่กำลังใช้งานในนั้นคือหน้าเกี่ยวกับอะไร นอกจากนั้น Meta Titles ยังมีความสำคัญต่อการบ่งบอกถึงรายละเอียดข้อมูลในหน้านั้นๆ เพราะมักจะถูกใช้เป็นชื่อของลิงก์ที่แชร์ ดังนั้น Meta Titles จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้คนค้นหาและใช้หน้าเว็บเข้าใจว่าหน้าที่กำลังจะเปิดนั้นเกี่ยวกับอะไร
โดยเมื่อไม่นานมานี้ Google ได้พยายามเขียน Titles ของตัวเองใหม่โดยเฉพาะ ถ้าหากพวกเขาเห็นว่า Title นั้นไม่ตรงกับจุดประสงค์ของเนื้อหาหน้านั้นๆ จึงทำให้คนในวงการ SEO เกิดคำถามขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Meta Titles ที่แสดงผลสำหรับ SEO ว่าการที่ Google เขียนขึ้นเองนั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นองค์ประกอบ HTML แรกๆ ที่ช่วยเพิ่มการแสดงผล จึงถือว่ามีความสำคัญในการบ่งบอกถึงเนื้อหาหน้าเว็บนั้นๆว่าเกี่ยวข้องกับอะไร
วิธีเขียน meta titles ให้มีประสิทธิภาพ
Meta Titles ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดีในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) Title ของคุณควรอธิบายเนื้อหาในหน้าเพจเพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่าจะพบอะไรเมื่อคลิกเข้าไป การรวมคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะจะช่วยให้หน้าเว็บของคุณแสดงในผลการค้นหาสำหรับคำเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม อย่าใส่ Titles ด้วยคีย์เวิร์ดที่เยอะเกินไปเพราะอาจเกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดี และอาจถูกว่ามองว่าเป็นการแสปมคีย์เวิร์ดและทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาได้อันดับที่ต่ำกว่า ดังนั้นควรตั้ง Titles ให้กระชับและสื่อความหมายได้ชัดเจน และสามารถบ่งบอกถึงเนื้อหาในเพจคุณ ด้วยเคล็ดลับที่กล่าวไปข้างต้นจะช่วยให้ Meta Titles ของคุณมีประสิทธิภาพและช่วยให้เพจของคุณมีอันดับที่ดีได้ใน SERPs อย่างแน่นอน
Meta Title สามารถถูกเปลี่นแปลงได้
Google มักเลือกที่จะแสดง title tag ข้อมูลของตัวเอง แม้ว่าโดยปกติ meta title tag ที่กำหนดไว้ของเพจจะควบคุมสิ่งที่กูเกิลแสดง แต่ในบางครั้ง Google จะเลือกเนื้อหาแล้วนำมาจัดเป็น meta Title เองเช่นกัน ซึ่งส่วนนี้ควรพิจารณาจากเนื้อหาในเว็บไซต์เป็นองค์ประกอบ เพื่อทำการปรับปรุงให้เหมาะสมหรือใกล้เคียงกับสาระสำคัญของหน้านั้นๆเพิ่มเติทมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้
การจำกัดความยาว
ไม่มีขอบเขตว่า Meta tag ของคุณควรมีความยาวเท่าใด อย่างไรก็ตาม Title ควรมีอักขระไม่เกิน 50-60 ตัว ซึ่งรวมถึงคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดทอนระหว่างการแสดงผลในการค้นหาหรือต่อท้ายด้วยจุดแบบนี้ “…” ซึ่งทริคข้างต้นจะทำให้ข้อความของ Meta Title ไม่ถูกตัดทอน
ดังที่กล่าวไว้ นี่เป็นกฎง่ายๆ และคุณจะได้รับการแสดงผลที่ดีกว่าโดยใช้งานฟังชันก์ความกว้างพิกเซลสูงสุด(Max Pixel widths) ของ Google SERPS ซึ่งได้แก่:
- 580พิกเซล บนจอเดสท็อป
- 580พิกเซล บนมือถือ
นอกจากนี้ คุณควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับความแตกต่างของแต่ละอุปกรณ์ เนื่องจากอาจมีคำแตกต่างกันมากกว่า 6 คำที่แสดงบนหน้าจอมือถือ เนื่องจากกลุ่มคำเหล่านี้ใช้แบบอักษรที่เล็กกว่า ซึ่งหมายความว่าตัวอักษรแบบ “L” จะใช้พื้นที่มากกว่าแบบ “I” ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนชื่อ Title ของคุณให้มีความกว้างของพิกเซลลดลง
อีโมจิ
คุณสามารถเพิ่มอิโมจิลงใน Meta titles ได้เพื่อช่วยให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโดเมนที่กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ชมที่อายุน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่รับประกันว่า อีโมจิทั้งหมดจะแสดงในตัวอย่างผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPS) และต้องได้รับการทดสอบก่อนปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบทั่วทั้งเว็บไซต์ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดคือการใช้อักขระพิเศษใน HTML แทนการคัดลอก/วางไอคอนบนหน้าเว็บของคุณ เนื่องจากรูปแบบการสนับสนุนเบราว์เซอร์ที่แตกต่างกันเกินไประหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Android กับ iOS เป็นต้น จากการศึกษาโดย Sistrix เกี่ยวกับ Emojis อักขระ 10 ตัวที่นำมาใช้มากที่สุดใน Titles มีดังนี้:
Special characters / Emojis in Title | Distribution in SERPs |
» | 0.89% |
▷ | 0.51% |
ᐅ | 0.35% |
« | 0.23% |
› | 0.21% |
⇒ | 0.15% |
🥇 | 0.06% |
【 | 0.05% |
】 | 0.04% |
⇔ | 0.04% |
เคล็ดลับสำหรับการสร้าง Title ที่จำได้ง่ายและดึงดูดความสนใจ
หากคุณต้องการให้โพสต์บล็อกหรือบทความของคุณได้รับความสนใจ คุณต้องสร้าง Title ที่จำได้ง่ายและดึงดูดความสนใจ แต่คุณจะสร้างได้อย่างไร? ดังนั้น คุณสามารถปฏิบัติได้ตามเคล็ดลับดังต่อไปนี้:
– ใช้คีย์เวิร์ด: รวมคีย์เวิร์ดไว้ใน Title ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของบทความของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้บทความของคุณปรากฏในเครื่องมือค้นหาและดึงดูดผู้อ่านที่สนใจในสิ่งที่คุณพูด
– มีความกระชับ: ตั้งชื่อให้สั้นและตรงประเด็น ชื่อที่ยาวและเรื่อยเปื่อยจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อหน่าย
– มีความคิดสร้างสรรค์: ใช้การเล่นสำนวน เล่นคำ ใช้อิโมจิ หรืออ้างอิงถึงกระแสที่เป็นนิยม ชื่อที่ฉลาดและดึงดูดความสนใจจะทำให้ผู้คนต้องการอ่านบทความของคุณ
คำแนะนำเหล่านี้จะทำให้ titles ของคุณน่าสนใจมากขึ้นและดึงดูดผู้อ่านให้มาที่เนื้อหาของคุณ
ตัวอย่างของการเขียน Meta titles ที่ดี
Meta Titles ให้ข้อมูลสรุปสั้นๆ ที่ดึงดูดความสนใจแก่ผู้อ่านว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และเครื่องมือค้นหาสามารถใช้เพื่อช่วยให้ผู้อ่านค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ Meta Titles ที่ดีควรมีความยาวไม่เกิน 60 อักขระ และควรบ่งบอกถึงหัวข้อของบทความหรือโพสต์อย่างถูกต้อง ตัวอย่างของ Meta Titles ที่มีการเขียนอย่างดี เช่น “5 เคล็ดลับสำหรับการวางแผนกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จ 🥇” “วิธีเขียนMeta Titles ที่ยอดเยี่ยม” และ “ประโยชน์ของ Meta Titles” เมื่อรวมองค์ประกอบหลักเหล่านี้ คุณจะมั่นใจได้ว่า Meta Titles ของคุณทั้งมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้คนหา
ความสำคัญของการวิจัยคีย์เวิร์ดในการสร้างชื่อเรื่อง
แม้ว่า Meta Tags อื่นๆ เช่น meta description และ meta keyword tags จะเลิกใช้งานโดย Google แล้ว แต่ Meta Title Tag ปัจจุบันยังคงใช้การพิจารณาอยู่เพื่อนำไปแสดงผลใน list ที่ปรากฏในผลการค้นหา จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมีเนื้อหาครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ และเมื่อต้องการสร้าง Meta Titles ก็ควรวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเพื่อค้นหาคำที่ควรรวบรวมไว้ โดยทำการค้นหาด้วยกูเกิลเกี่ยวกับหัวข้อเพจของคุณเพื่อดูคำที่ดึงดูดความสนใจและอันที่ได้อันดับสูงๆ ในผลการค้นหา ดังนั้นคุณรสามารถใช้วิธีนี้เป็นแนวทางในการกำหนด Meta Title ที่กระชับและน่าสนใจ เพราะบางครั้ง Google มีแนวโน้มที่จะแทนที่ Titles ด้วย H1 (Header) ของหน้า ดังนั้นคุณควรจับคู่ Title กับส่วนหัวข้อให้มีจำนวนคำที่เหมาะสมกัน เพื่อช่วยป้องกันการสลับการแสดงผล
เครื่องมือและทรัพยากรสำหรับการสร้าง Meta Titles ที่มีประสิทธิภาพ
Meta Title ที่ดีจะดึงดูดให้ผู้ใช้คลิกไปยังเว็บไซต์ของคุณ ในทางกลับกัน Meta Title ที่ไม่ดีจะทำให้อันดับ SERP ต่ำลง เนื่องจาก Meta Title เป็นสิ่งที่บ่งบอกเนื้อหาในเว็บไซต์ ดังนั้นควรใช้เครื่องมือในการตั้ง Meta Titles (free to use tool for meta titles) เพื่อดูความกว้างของพิกเซลหรือปรับเปลี่ยนให้ตัวอักษรมีความพอดี
มีเครื่องมืออื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยสร้าง Meta Title ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำอย่าง Yoast SEO เป็นปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมที่ให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้แต่ละขั้นตอนสำหรับการทำ Meta Titles และ Descriptions หรือเครื่องมือ Google’s Webmaster Tools ที่ให้คำแนะนำในการสร้าง Meta Tags และ Meta Titles นอกจากนี้ เครื่องมืออย่าง SEMrush ได้อัปเดตเครื่องมือเพื่อตรวจจับเมื่อกูเกิลเปลี่ยนชื่อ Title
โดยสรุปแล้ว ชื่อ Meta Titles เป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของ SEO และยังเป็น Meta Tags ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอีกด้วย ในการตั้ง Meta Titles ควรมีความยาวไม่เกิน 580 และควรบ่งบอกเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณอย่างถูกต้องและตรงกับหัวข้อหลัก คุณสามารถใช้เครื่องมือเช่น Yoast SEO และ SEMrush เพื่อช่วยให้คุณสร้าง Meta Titles ได้อย่างประสิทธิภาพ และควรคำนึงถึงการแสดงผลบนอุปกรณ์แต่ละประเภทเพราะพิกเซลไม่เหมือนกับอักขระ