คำถามที่พบบ่อย

ไม่พบสิ่งที่คุณกำลังมองหา?

ทั้งหมด

put other-th + ALL FAQ-th at Select the FAQ Categories above

put SMM-th + ALL FAQ-th at Select the FAQ Categories above

ใส่ faq categories เป็น allFAQ-th และ SEM-th

SEO ( Search Engine Optimization ) คือกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ตัวเว็บไซต์ ในการแสดงผลบน SERPs ( Search Engine Results Pages ) หรือหน้าแรกของ Google ในรูปแบบไม่เสียค่าโฆษณา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าเว็บไซต์แบบธรรมชาติ ( Organic Traffic ) ผ่านระบบการค้นหาของ search engine ต่างๆอาทิเช่น Google, Yahoo, Bing เป็นต้น

SEO คือกลยุทธ์การตลาดแบบ Inbound Marketing ที่มีศักยภาพและสามารถสร้างประโยชน์ต่อเว็บของคุณได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น
• เพิ่มการมองเห็นแบรนด์ และเพิ่มโอกาสให้ผู้คนรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น
• ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างชัดเจน
• เพิ่มการสอบถาม / โอกาสในการขาย / การขาย / การมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมายของคุณ
• เพิ่มประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ (UX) ของคุณให้ดียิ่งขึ้น
• เพิ่มอัตราการขาย / ปิดการขาย ในเว็บไซต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ปรับปรุงการจัดการต้นทุนในการทำการตลาดออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
• เป็นการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และได้ผลระยะยาว
• เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ / สินค้า
• เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือ
• ได้เปรียบเหนือคู่แข่งของคุณ

การจะตอบคำถามนี้ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ และขึ้นอยู่หลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของสินค้าและบริการของคุณ โดย ปัจจัยที่สำคัญประกอบด้วย รายละเอียดดังต่อไปนี้
• เว็บไซต์ของคุณ / ธุรกิจของคุณเกี่ยวกับอะไร และ คู่แข่งของคุณคือใคร อยู่ในตลาดรูปแบบไหน
• ประเภทของสินค้า หรือ บริการที่คุณต้องการจะโปรโมต
• จุดประสงค์ของแคมเปญ คืออะไร
• คุณต้องการกลยุทธ์ในระยะสั้นหรือกลยุทธ์ระยะยาว
• งบประมาณในการทำการตลาดออนไลน์ของคุณ
การจะตอบคำถามว่า การตลาดออนไลน์รูปแบบไหนเหมาะสำหรับธุรกิจของคุณที่สุด จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจจากหลากหลายปัจจัย เพื่อให้เกิดความสอดคล้องต่อการดำเนินธุรกิจและประเภทการเข้าถึงของแต่ละกลุ่มลูกค้า ซึ่งหากต้องการขยายศักยาภาพอย่างเต็มที่แนะนำว่าการทำทุกช่องทางจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและหลากหลายมากที่สุด

วิธีการต่างๆ ที่เพิ่มอันดับให้แก่เว็บไซต์ของคุณใน Search Engine โดยกระทำภายในตัวเว็บไซต์ เรียกว่า On-page หรือ Onsite seo ครอบคลุมตั้งแต่ การสร้างสรรเนื้อหาที่มีประโยชน์ การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ ลิงค์ภายใน การปรับแต่งรูป การปรับแต่งความเร็ว การตั้งค่า Meta Tag ต่างๆ จนถึงการกำหนด Schema Markup และปัจจัยต่างๆที่จำเป็นต้องลงบนเว็บไซต์ สำหรับในส่วนของ Link จากภายนอกไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตามจะไม่จัดเป็น On-page SEO

Off-page SEO คือการกระทำต่างๆ ที่พัฒนาอันดับของเว็บไซต์ให้ดีขึ้น บน Search Engine โดยการปรับแต่งรูปแบบนี้ที่คนนิยมกระทำมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Link building หรือการสร้างลิงค์ ไม่วาจะเป็นในรูปแบบ Hyper-link การแทรกลิงค์ไว้กับรูป หรือการแทรกลิงค์ไว้ในองค์ประกอบต่างๆที่สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่นการกล่าวอ้างถึงแบรนด์ ในตัวบทความ แล้วทำการลิงค์ชื่อแบรนด์ไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นๆ

Robot.txt คือไฟล์ สกุล text ที่ถูกอัพโหลดลงใน TLD (Top-level directory ) ของเว็บไซต์ เพื่อใช้ในการกำหนดกฏต่างๆในแก่ Crawler หรือตัวเก็บข้อมูลของ Search Engine ให้ทราบว่า หน้าไหนที่สามารถเก็บข้อมูลได้ และหน้าไหนที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้

น่าเสียดายที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามนี้ เนื่องจากการทำ SEO นั้นขึ้นอยู่กับตัวแปรหลากหลายตัว ถึงแม้ว่า SEO จะเหมือนกับศาสตร์ที่เกี่ยวกับข้อมูลและตัวเลขก็ตาม แต่ SEO นั้นไม่ใช่วิทยาศาสตร์ที่แน่นอน แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้หากคุณทำงานกับเอเจนซี่ SEO ที่มีชื่อเสียงและเป็นมืออาชีพคุณควรเริ่มเห็นการพัฒนาของผลลัพธ์จากการทำงานของพวกเขาภายใน 2-3 เดือนนับจากเริ่มแคมเปญ
อย่างไรก็ตาม SEO เป็นกระบวนการที่ยังคงมีการพัฒนาและการอัพเดตอย่างต่อเนื่องและหลากหลายช่วงเวลาในแต่ละรอบปี อันเนื่องมาจากการอัพเดตตัวประมวลผลของ Search Engine หรือที่เรียกว่า Google Algorithm update จึงทำให้กลยุทธ์การดำเนินงาน SEO ต้องเน้นการปรับตัวให้เหมาะสมและตอบโจทย์ต่อรูปแบบการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อช่วยให้อันดับขึ้นเป็นที่หนึ่งในคีย์เวิร์ดที่ตัวเองต้องการ
***ธุรกิจจำนวนมากลงทุนใน SEO อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากผลลัพธ์ที่พวกเขาได้รับจากการทำ SEO นั้น มีประสิทธิภาพและเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในระยะยาว และที่สำคัญเกิดการซื้อขาย เกิดได้อย่างชัดเจนมากกว่า เพราะลูกค้าจะค้นหาสิ่งที่เขาสนใจอยู่แล้ว***

SEO

SEO ( Search Engine Optimization ) คือกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ตัวเว็บไซต์ ในการแสดงผลบน SERPs ( Search Engine Results Pages ) หรือหน้าแรกของ Google ในรูปแบบไม่เสียค่าโฆษณา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าเว็บไซต์แบบธรรมชาติ ( Organic Traffic ) ผ่านระบบการค้นหาของ search engine ต่างๆอาทิเช่น Google, Yahoo, Bing เป็นต้น

SEO คือกลยุทธ์การตลาดแบบ Inbound Marketing ที่มีศักยภาพและสามารถสร้างประโยชน์ต่อเว็บของคุณได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น
• เพิ่มการมองเห็นแบรนด์ และเพิ่มโอกาสให้ผู้คนรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น
• ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างชัดเจน
• เพิ่มการสอบถาม / โอกาสในการขาย / การขาย / การมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมายของคุณ
• เพิ่มประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ (UX) ของคุณให้ดียิ่งขึ้น
• เพิ่มอัตราการขาย / ปิดการขาย ในเว็บไซต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ปรับปรุงการจัดการต้นทุนในการทำการตลาดออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
• เป็นการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และได้ผลระยะยาว
• เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ / สินค้า
• เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือ
• ได้เปรียบเหนือคู่แข่งของคุณ

การจะตอบคำถามนี้ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ และขึ้นอยู่หลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของสินค้าและบริการของคุณ โดย ปัจจัยที่สำคัญประกอบด้วย รายละเอียดดังต่อไปนี้
• เว็บไซต์ของคุณ / ธุรกิจของคุณเกี่ยวกับอะไร และ คู่แข่งของคุณคือใคร อยู่ในตลาดรูปแบบไหน
• ประเภทของสินค้า หรือ บริการที่คุณต้องการจะโปรโมต
• จุดประสงค์ของแคมเปญ คืออะไร
• คุณต้องการกลยุทธ์ในระยะสั้นหรือกลยุทธ์ระยะยาว
• งบประมาณในการทำการตลาดออนไลน์ของคุณ
การจะตอบคำถามว่า การตลาดออนไลน์รูปแบบไหนเหมาะสำหรับธุรกิจของคุณที่สุด จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจจากหลากหลายปัจจัย เพื่อให้เกิดความสอดคล้องต่อการดำเนินธุรกิจและประเภทการเข้าถึงของแต่ละกลุ่มลูกค้า ซึ่งหากต้องการขยายศักยาภาพอย่างเต็มที่แนะนำว่าการทำทุกช่องทางจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและหลากหลายมากที่สุด

วิธีการต่างๆ ที่เพิ่มอันดับให้แก่เว็บไซต์ของคุณใน Search Engine โดยกระทำภายในตัวเว็บไซต์ เรียกว่า On-page หรือ Onsite seo ครอบคลุมตั้งแต่ การสร้างสรรเนื้อหาที่มีประโยชน์ การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ ลิงค์ภายใน การปรับแต่งรูป การปรับแต่งความเร็ว การตั้งค่า Meta Tag ต่างๆ จนถึงการกำหนด Schema Markup และปัจจัยต่างๆที่จำเป็นต้องลงบนเว็บไซต์ สำหรับในส่วนของ Link จากภายนอกไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตามจะไม่จัดเป็น On-page SEO

Off-page SEO คือการกระทำต่างๆ ที่พัฒนาอันดับของเว็บไซต์ให้ดีขึ้น บน Search Engine โดยการปรับแต่งรูปแบบนี้ที่คนนิยมกระทำมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Link building หรือการสร้างลิงค์ ไม่วาจะเป็นในรูปแบบ Hyper-link การแทรกลิงค์ไว้กับรูป หรือการแทรกลิงค์ไว้ในองค์ประกอบต่างๆที่สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่นการกล่าวอ้างถึงแบรนด์ ในตัวบทความ แล้วทำการลิงค์ชื่อแบรนด์ไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นๆ

Robot.txt คือไฟล์ สกุล text ที่ถูกอัพโหลดลงใน TLD (Top-level directory ) ของเว็บไซต์ เพื่อใช้ในการกำหนดกฏต่างๆในแก่ Crawler หรือตัวเก็บข้อมูลของ Search Engine ให้ทราบว่า หน้าไหนที่สามารถเก็บข้อมูลได้ และหน้าไหนที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้

น่าเสียดายที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามนี้ เนื่องจากการทำ SEO นั้นขึ้นอยู่กับตัวแปรหลากหลายตัว ถึงแม้ว่า SEO จะเหมือนกับศาสตร์ที่เกี่ยวกับข้อมูลและตัวเลขก็ตาม แต่ SEO นั้นไม่ใช่วิทยาศาสตร์ที่แน่นอน แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้หากคุณทำงานกับเอเจนซี่ SEO ที่มีชื่อเสียงและเป็นมืออาชีพคุณควรเริ่มเห็นการพัฒนาของผลลัพธ์จากการทำงานของพวกเขาภายใน 2-3 เดือนนับจากเริ่มแคมเปญ
อย่างไรก็ตาม SEO เป็นกระบวนการที่ยังคงมีการพัฒนาและการอัพเดตอย่างต่อเนื่องและหลากหลายช่วงเวลาในแต่ละรอบปี อันเนื่องมาจากการอัพเดตตัวประมวลผลของ Search Engine หรือที่เรียกว่า Google Algorithm update จึงทำให้กลยุทธ์การดำเนินงาน SEO ต้องเน้นการปรับตัวให้เหมาะสมและตอบโจทย์ต่อรูปแบบการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อช่วยให้อันดับขึ้นเป็นที่หนึ่งในคีย์เวิร์ดที่ตัวเองต้องการ
***ธุรกิจจำนวนมากลงทุนใน SEO อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากผลลัพธ์ที่พวกเขาได้รับจากการทำ SEO นั้น มีประสิทธิภาพและเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในระยะยาว และที่สำคัญเกิดการซื้อขาย เกิดได้อย่างชัดเจนมากกว่า เพราะลูกค้าจะค้นหาสิ่งที่เขาสนใจอยู่แล้ว***

SEM

ความแตกต่างระหว่าง Google  AdWords  และการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาขึ้นอยู่กับบริบทของการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาที่ใช้

การตลาด SEM เป็นคำทั่วไปสำหรับการตลาดดิจิทัลรูปแบบใดก็ตามที่โฆษณาธุรกิจและบริการเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลให้การมองเห็นเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาทั่วไปและ SEM แบบชำระเงิน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประมาณปี 2549 คำศัพท์ SEM กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและได้รับการยอมรับว่าเป็นคำศัพท์มาตรฐานสำหรับ 'การค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย'

บล็อกเกอร์บางคนยังคงใช้คำจำกัดความดั้งเดิมและทั่วไปของ SEM เพื่อป้องกันความไม่แน่นอน โปรดใส่ใจกับบริบทของการใช้คำศัพท์

เมื่อผู้ใช้ใช้การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาในบริบท "การค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย" จะเหมือนกับ  Google AdWords Google  AdWords  อยู่ภายใต้การ  ตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา ที่ "เสียค่าใช้จ่าย"

ผู้มาใหม่มักถามคำถามนี้เกี่ยวกับ  แคมเปญ Google Adsแบบ PPC (จ่ายต่อคลิก) แม้ว่านี่จะเป็นคำถามที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับ Google  AdWords  SEM 

ค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณาของ Google ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ และโดยมากแล้ว ผู้ลงโฆษณาจะควบคุมจำนวนเงินที่เขาใช้จ่ายกับโฆษณาของ Google เนื่องจากผู้โฆษณาเสนอราคาสำหรับคำหลักที่พวกเขาคิดว่าสามารถส่งเสริมธุรกิจของพวกเขาได้ 

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่ค้นหาวลี "ซื้อสินค้าขายส่งในกรุงเทพฯ" และ "ตัวแทนจำหน่ายขายส่งในกรุงเทพฯ" Google จะถามคุณว่าคุณต้องการจ่ายเท่าไรเพื่อประมูลคีย์เวิร์ดเหล่านี้ และคุณสามารถเลือกจ่าย 10 เซนต์หรือ 1 ดอลลาร์สำหรับการคลิกโฆษณาแต่ละครั้ง

ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าผู้ลงโฆษณารายใดเสนอราคาสูงกว่าคุณ แต่โปรดจำไว้ว่าอันดับโฆษณาของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาที่คุณเสนอเท่านั้น Google คำนวณลำดับโฆษณาของคุณโดย:

  • ราคาเสนอสูงสุด 
  • ตำแหน่งการเสนอราคา
  • คะแนนคุณภาพของคำหลักของคุณ
  • การแข่งขันคำหลัก

การคำนวณอันดับโฆษณาของ Google คือสาเหตุที่ธุรกิจที่มีงบประมาณน้อยสามารถมีอันดับเหนือกว่าบริษัทที่มีงบประมาณมากกว่า เนื่องจากคะแนนคุณภาพของคำหลักที่เกี่ยวข้องกับหน้า Landing Page เป้าหมาย

ในฐานะผู้ลงโฆษณารายใหม่ คุณควรเริ่มต้นด้วยงบประมาณที่น้อยลงและให้ความสนใจกับประสิทธิภาพของโฆษณาของคุณ ต่อจากนั้น คุณสามารถเพิ่มงบประมาณเป็นบิต หรือคุณอาจใช้เงินเป็นจำนวนมาก 

หากคุณไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะใช้จ่ายเงินจำนวนมากกับ Google  AdWords โดยได้รับผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย ซึ่งมักเป็นเพราะ  การวางแผนคำหลักของ Google  ที่ไม่ดี และ/หรือการจัดการแคมเปญโดยทั่วไปที่ไม่ดี ด้วยเหตุนี้ บริษัทต่างๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้บริการของหน่วยงาน SEM ที่เชี่ยวชาญ เช่น TBS ซึ่งสามารถช่วยใน  การจัดการ Google AdWords ที่ เหมาะสม

Google จัดการกับการค้นหา 3.5 พันล้านครั้งในหนึ่งวัน ประโยชน์ของการใช้  แคมเปญ Google Ads  ไม่มีที่สิ้นสุด ประโยชน์บางประการคือ:                                                                                                          

  • ค้นหากลุ่ม เป้าหมายของคุณ: ด้วย  Google  PPC การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณจะง่ายขึ้น คุณลักษณะนี้ขับเคลื่อนด้วยความตั้งใจสูง เพราะคุณสามารถเลือกคำหลักที่เจาะจงซึ่งกลุ่มเป้าหมายของคุณจะพิมพ์ในข้อความค้นหาของ Google ทำให้โฆษณาของคุณแสดงต่อผู้ที่ค้นหาผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ ด้วยการจัดการคำหลักที่เหมาะสม คุณสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของคุณต่อผู้ชมที่คุณเลือก   

 

  • ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว:  การตลาด SEM มีข้อได้เปรียบในการให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับการโฆษณาแบบออร์แกนิก ด้วยราคาเสนอที่แข่งขันได้และคะแนนคุณภาพของคำหลักที่ดี คุณจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหน้าผลการค้นหาแทบจะในทันที!

 

  • การจัดการที่ง่ายดายและความยืดหยุ่น: ด้วย  บัญชี Google Ads การจัดการโฆษณาของคุณจะกลายเป็นเรื่องง่าย! เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้คุณสร้างกำหนดเวลาที่แตกต่างกันสำหรับโฆษณาต่างๆ 

 

คุณยังมีตัวเลือกในการหยุดโฆษณาชั่วคราว ซึ่งหมายความว่าคุณควบคุมงบประมาณได้ 100% นอกจากนี้ เครื่องมือของแพลตฟอร์มยังแสดงคำหลักที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดของคุณอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนและวางกลยุทธ์แคมเปญโฆษณาของคุณได้

การโฆษณาผ่านเครื่องมือค้นหาเป็นหนึ่งในวิธีการที่เติบโตเร็วที่สุดในการทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก! ด้วยการค้นหา 3.5 พันล้านครั้งต่อวัน บริษัทที่ดีรู้ดีว่าควรวางเท้าใน SEM 

น่าเสียดายที่การทำความเข้าใจกลอุบายของการค้าและการจัดการอย่างถูกต้องและสามารถวิเคราะห์ข้อมูล Google AdWords นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงว่าทุกครั้งที่มีการคลิกลิงก์โฆษณาของคุณ คุณต้องจ่ายเงิน เป็นเหตุผลที่ผู้คนใช้จ่ายเงินจำนวนมากกับโฆษณา PPC โดยไม่ได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอ คุณต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ผู้คนคลิกลิงก์ของคุณ แทบจะไม่ใช้เวลาบนเว็บไซต์ของคุณเลย และคลิกออกไปโดยไม่ทำการซื้อ

การวิจัยคำหลักและคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณจะต้องโดดเด่น แต่ข้อผิดพลาดเหล่านี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เนื่องจาก Google  AdWords อาจมีความยุ่งยาก มันเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่ได้ปรับแต่งเนื้อหาของคุณตามความต้องการของผู้ชม ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ธุรกิจและเว็บไซต์ต่างๆ จึงจ้างบริการจากหน่วยงาน SEM มืออาชีพ เช่น การตลาด TBS

TBS เป็นเอเจนซี่การตลาดมืออาชีพที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะเพิ่มผลกำไรให้กับเว็บไซต์ของคุณผ่าน   แคมเปญ Google AdWords ! ที่ TBS เราสร้างวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณเพื่อดึงดูดผู้ชมเป้าหมายของคุณ  

เพื่อยกระดับแคมเปญของคุณไปอีกขั้น ผู้เชี่ยวชาญของเราเข้าถึงความต้องการและวัตถุประสงค์ของคุณ นอกจากนี้ การตรวจทานเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับแคมเปญของคุณ

แนวทางของเรารวมถึงการวิจัยคีย์เวิร์ดแบบมืออาชีพ เทคนิค SEM ที่หาได้ยาก การทำ SEO บนไซต์ รีมาร์เก็ตติ้งวิดีโอ โฆษณาวิดีโอแบบดิสเพลย์ โฆษณาบน Facebook และเทคนิคระดับมืออาชีพอื่นๆ อีกมากมายในการทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จัก

ที่ TBS ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเรามั่นใจว่าจะวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับแคมเปญ SEM ของคุณ!

ติดต่อเราตอนนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการของคุณกับเรา เรายินดีที่จะช่วยเหลือ 

การตลาดผ่านเสิร์ชเอ็นจิ้นเป็นการตลาดทางอินเทอร์เน็ตประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์โฆษณาและธุรกิจต่างๆ โดยใช้การโฆษณาแบบชำระเงิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการแสดงผลของเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์ของเสิร์ชเอนจิ้น ( SERPS )

ใน  การตลาด SEMผู้ลงโฆษณาเดิมพันกับคำหลักที่ผู้คนมักจะใช้เมื่อค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการบนเครื่องมือค้นหาหลัก เช่น Google และ Bing เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำหลักที่นักการตลาดเดิมพันไว้ เว็บไซต์ของผู้โฆษณาจะปรากฏพร้อมกับผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งตรงกับคำหลักของผู้ใช้

โฆษณาจาก SEM มักจะปรากฏที่ด้านบนสุดของเครื่องมือค้นหา เหนือผลการค้นหาทั่วไป 

การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา  เรียกอีกอย่างว่าการโฆษณาบนการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย การตลาด SEM  เป็นกลยุทธ์การโฆษณาดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ขาย เว็บไซต์แบบบริการตนเอง และเอเจนซี่โฆษณา เช่น TBS ดำเนินแคมเปญ SEM 

Google AdWords คืออะไร

AdWords  เป็นระบบโฆษณาแบบชำระเงินที่พัฒนาโดย Google เพื่อช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางออนไลน์ผ่านทางเครื่องมือค้นหาของ Google และไซต์พันธมิตร

ผู้ลงโฆษณาจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อแสดงบริการและผลิตภัณฑ์ของตน การแสดงผลมักจะสั้นและอาจรวมถึงเนื้อหาวิดีโอ รายการผลิตภัณฑ์ บริการที่มีให้ รายการผลิตภัณฑ์ และลิงก์สำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมือถือ

ผู้ลงโฆษณาเลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ บริการ และตราสินค้าของตน เว็บไซต์ของคุณจะแสดงเป็นโฆษณาสำหรับผู้ใช้ที่ค้นหาผลิตภัณฑ์และบริการเมื่อใช้คำหลักเหล่านี้ โดยทั่วไป โฆษณาใน  AdWords จะปรากฏที่ด้านบนสุดของการค้นหาและทางด้านขวาของหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา

AdWords ยังเป็นวิธีการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิกอีกด้วย ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกตัวเลือกในการจ่ายเงินทุกครั้งที่ลูกค้าคลิกลิงก์โฆษณาของตน นั่นเป็นเหตุผลที่คุณต้องใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องและตรงเป้าหมายในขณะที่ตั้งค่า   บัญชี Google AdWords ของคุณ

Google Ads แบ่งออกเป็นสี่ส่วนหลัก:

  • การค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย / การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก
  • แสดงโฆษณา
  • รีมาร์เก็ตติ้ง
  • การตลาดวิดีโอ/YouTube

SMM

put SMM-th + ALL FAQ-th at Select the FAQ Categories above

อื่นๆ

put other-th + ALL FAQ-th at Select the FAQ Categories above