สงสัยอะไรให้ถามอากู๋เกิ้ล (Google) คือ คติพจน์ประจำใจของผู้คนในปัจจุบัน เมื่อไหร่ที่มีปัญหาแค่มีโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง มีอินเทอร์เน็ตหรือไวไฟ แค่นี้ก็มีคนคอยรับฟังและตอบคำถามทุกข้อสงสัยของเราได้แล้ว และจุดนี้นี่เองที่สามารถนำมาใช้เป็นข้อได้เปรียบสำหรับการทำธุรกิจได้อีกด้วย นั่นก็คือการทำการตลาดออนไลน์เพื่อทำให้ผู้ที่เข้ามาทำการค้นหาบน google ได้พบกับธุรกิจของเรา
หลาย ๆ ครั้งที่เกิดปัญหาขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ผู้คนก็ต้องใช้ Google เพื่อช่วยหาคำตอบ เพราะเรื่องของกฎหมายเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และต้องอาศัยความรู้ความชำนาญ หากมีทนายความหรือสำนักงานกฎหมายไหนที่สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่ว และชาญฉลาด บอกได้เลยว่าได้ใจผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตไปเต็ม ๆ หลังจากนี้คนเหล่านั้นอาจกลายมาเป็นหนึ่งในลูกค้าของสำนักงานกฎหมายของคุณก็ได้
ทำไมการทำ SEO ถึงสำคัญสำหรับธุรกิจทางกฎหมาย
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การเพิ่ม traffic หรือการเข้าถึงให้กับเว็บไซต์ของคุณแบบไม่มีค่าใช้จ่ายจากการโฆษณา (organic search results) ผลลัพธ์ของการทำ SEO คือ ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกพบเห็นได้ง่ายขึ้นบนหน้า SERPs ทำให้ผู้คนเข้าถึงธุรกิจของคุณได้มากขึ้น และกลายมาเป็นลูกค้าของคุณในท้ายที่สุด
นอกจากนี้การใช้ช่องทางที่เป็นออร์แกนิคนี้ ทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการโฆษณาและค่าใช้จ่ายเมื่อลูกค้าคลิกลิ้งเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ โดยเฉพาะคำศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายซึ่งมีค่า CPC (Cost-Per-Click) ที่ค่อนสูง การทำ SEO จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกิจของคุณแบบที่ไม่ต้องเปลืองค่าโฆษณาใด ๆ นอกเหนือไปจากนี้การที่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายของคุณขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ บนหน้า SERPs โดยไม่ใช้การโฆษณายังทำให้บริษัทหรือสำนักงานของคุณยังได้รับความไว้วางใจที่มากขึ้นอีกด้วย
นี่จึงเป็นที่มาที่ว่าทำไมผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกฎหมาย ทนายความ หรือสำนักงานกฎหมายต่าง ๆ ถึงควรให้ความสำคัญกับการทำ SEO
การสร้างตัวตนบน Google ของธุรกิจทางกฎหมาย
- ใช้ Google Local Pack ให้เป็นประโยชน์
Google Local Pack (หรือ Googel Map Pack และ Google Snack Pack) เป็นหนึ่งในการแสดงผลของหน้าค้นหาของ Google ที่ให้ความสำคัญกับสถานที่มากกว่าสิ่งอื่น ๆ หลายครั้งที่ Google แสดงหน้าค้นหาที่เป็น Local Pack เพราะ Google “คิด” ว่าผู้ใช้ต้องการค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถานที่
จากรูปภาพจะเห็นได้ว่าส่วน Google ทำการจัดอันดับ Local Pack ไว้ด้านบนสุดของการค้นหา ทำให้ผู้คนเห็นชื่อธุรกิจของคุณเป็นอันดับต้น ๆ แต่ไม่มีอะไรที่รับประกันได้ว่าชื่อของธุรกิจคุณจะขึ้นอยู่บนนี้หากคู่แข่งของคุณก็ใช้วิธีเดียวกัน เพราะมีที่ว่างเพียงแค่ 3 ตำแหน่งเท่านั้นและมีเพียง Google เท่านั้นที่รู้ว่าการจัดอันดับบน Local Pack นั้นทำงานอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่ทำได้แน่นอนเพื่อการขึ้นไปแสดงผลบนหน้า Local Pack มี 3 ทฤษฎีด้วยกัน ได้แก่
- ความเกี่ยวข้อง – นั่นคือ ธุรกิจของคุณมีความเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหนกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา
- ระยะทาง – ระยะทางในที่นี้เป็นไปได้ทั้งระยะทางที่คำนวณจากตำแหน่งที่ผู้ค้นหาอยู่ หรือตำแหน่งที่ระบุในการค้นหา (เช่น คำว่า “สำนักงานกฎหมาย มีนบุรี”)
- ความโดดเด่น – ความโดดเด่นในที่นี้สามารถเป็นไปได้หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความมีชื่อเสียงในโลก “ออฟไลน์”, รีวิวบนโลกออนไลน์, ความน่าสนใจของธุรกิจ, หรือ Link ที่เชื่อมโยงไปถึงตัวเว็บไซต์
- สร้างตัวตนบน organic results
การที่เว็บไซต์ของคุณจะมีตัวตนบน Organic Results ได้นั้น เกิดจากกระบวนการในการทำ SEO ที่หลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือทาง SEO ช่วยเลย คือ ความเกี่ยวข้องของคอนเทนต์ในหน้าเว็บไซต์กับสิ่งที่ผู้คนค้นหา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของการทำ SEO ที่เรียกว่า On-Page SEO นั่นเอง มาดูว่าสิ่งที่คุณสามารถทำได้มีขั้นตอนอะไรบ้าง
2.1. ให้ข้อมูลการบริการ
ไม่ว่าจะต้องการทำ SEO หรือไม่ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการบนหน้าเว็บไซต์ของคุณ คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพราะฉะนั้น หากคุณเป็นสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง ต้องอย่าลืมที่จะใส่บริการทางกฎหมายที่บริษัทของคุณให้บริการอย่างครบถ้วน แต่หากอยากให้มีประสิทธิภาพในการทำ SEO อย่าลืมที่จะทำ keyword research ก่อน อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ คือการสร้าง content hub หรือการใส่ internal link ในเนื้อหาเพื่อให้สามารถคลิกไปยังหน้าต่อ ๆ ไปในเว็บไซต์ได้เรื่อย ๆ
2.2 ให้ข้อมูลที่อยู่องค์กรหรือสำนักงาน
การให้ข้อมูลที่อยู่ของสำนักงานบนเว็บไซต์ ก็เพื่อให้ Google เข้ามา index เว็บไซต์ของคุณสำหรับคีย์เวิร์ดที่มีคำเกี่ยวกับสถานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และถึงแม้บางครั้งจะไม่มีคำบ่งชี้สถานที่แต่หาก Google ยังคิดว่าคนใช้คำนี้เพื่อเสิร์ชหาสถานที่ก็จะได้ทำการแสดงหน้าเว็บไซต์ของคุณขึ้นมาด้วย ซึ่งกลยุทธ์ในการให้ข้อมูลที่อยู่ที่เราแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด duplicate content บนเว็บไซต์ของคุณ มีดังนี้
- สร้างหน้า Contact us ที่มีข้อมูลที่อยู่สำหรับติดต่อบริษัทหรือสำนักงานของคุณ โดยอาจเพิ่มเติมข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์เพื่อให้ลูกค้าติดต่อหาคุณได้ง่ายขึ้น
- ใส่ข้อมูลที่อยู่บริเวณส่วนท้าย (Footer) ของหน้า Pages แต่หากสำนักงานของคุณมีที่ตั้งอยู่หลายที่ อาจใส่เป็นชื่อแขวงและเขต หรืออำเภอและจังหวัด และทำ internal link ส่งไปยังหน้าที่มีรายละเอียดของที่ตั้งสำนักงาน
2.3 Create optimized pages
2.3 สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและทันสมัย
Google ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์มาก โดยเฉพาะคอนเทนต์แบบข้อความหรือ Text เพราะ Google ได้ทำการพัฒนาเครื่องมือขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อให้เข้าใจว่า อันไหนเป็นคอนเทนต์ที่ดีและควรนำไปจัดอันดับสูง ๆ เพื่อให้แสดงบนหน้าแรกของการค้นหาให้สามารถตอบคำถามที่ผู้ค้นหาต้องการได้ เทคนิคการทำคอนเทนต์ให้เหมาะกับการทำ SEO มีดังนี้
- เขียนให้อ่านง่าย: ให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าใจได้ แต่สำหรับข้อมูลทางกฎหมายคงไม่สามารถเลี่ยงคำศัพท์ยาก ๆ ได้ แต่พยายามเรียบเรียงเนื้อหาให้ผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจง่ายก้เป็นพอ
- จัดข้อความให้เป็นระเบียบ: จัดเรียงเป็นหัวข้อ หัวข้อย่อย และคำอธิบายประกอบแต่ละหัวข้อ จะทำให้ผู้อ่าน อ่านได้ง่ายขึ้น
- เขียนให้เป็นปัจจุบัน: โดยเฉพาะกับเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายที่มีการอัปเดต และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
- เขียนให้มีเอกลักษณ์: เพราะคู่แข่งของคุณอาจใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้ ดังนั้นจึงต้องวัดกันที่ความสามารถในการนำเสนอข้อมูลให้ถูกใจผู้อ่าน และเข้าใจง่าย รวมถึงมีความโดดเด่นในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายที่น่าสนใจ
และทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคสำหรับการทำ SEO สำหรับทนายความและสำนักงานกฎหมายที่เราแนะนำ เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าจะให้การทำ SEO ประสบความสำเร็จได้นั้น ยังต้องอาศัยอีกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการดูแลภายในเว็บไซต์ หรือการทำ off-page SEO ที่ต้องใช้ความรู้และความชำนาญในการจัดการ หากคุณต้องการทำ SEO ให้เห็นผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด อาจลองมองหาบริษัทเกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ ที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยเหลือและให้คำปรึกษาหรับการทำเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับกฎหมายของคุณ