บล็อกและโพสต์ การตลาดดิจิทัล

Top 5 ช่องทางการทำการตลาดออนไลน์! พร้อมบอกข้อดีและข้อเสีย

โครงเรื่อง
    Add a header to begin generating the table of contents
    Top-5-ช่องทางการทำการตลาดออนไลน์!-พร้อมบอกข้อดีและข้อเสีย

    การทำการตลาดออนไลน์สามารถทำได้ผ่านหลายช่องทางและหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นบน social media, google search หรือ e-mail ซึ่งแต่ละช่องทางนั้นมีประสิทธิภาพในการทำงานแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละธุรกิจด้วยเช่นกัน โดยแต่ละธุรกิจอาจเลือกใช้แค่บางช่องทางหรือเลือกใช้ทุกช่องทางที่เป็นไปได้ในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะแต่ละช่องทางก็ย่อมมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป โดยในบทความนี้เราจะพาคุณมาดู 5 อันดับยอดนิยมของช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ พร้อมบอกข้อดีข้อเสียของแต่ละช่องทาง

    5 ช่องทางการทำการตลาดยอดนิยม

    1. Organic search

    Organic search หมายถึง ผลลัพธ์บนหน้าค้นหาของ search engines ทั้งหมดที่ไม่ใช่การจ่ายเงินเพื่อโฆษณา โดย organic search ถือเป็นเสาหลักบนโลกอินเตอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ โดย BrightEdge ได้ให้ข้อมูลว่าจากผู้ใช้งานทั้งหมดมีถึง 68% ที่เริ่มต้นการใช้งานบนโลกออนไลน์ด้วย search engine โดยมีวิธีการเฉพาะที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ search engines และเราเรียกวิธีการเฉพาะเหล่านั้นว่า search engine optimiazation หรือ SEO นั่นเอง

    1. Social media

    Social media คือ ช่องทางที่หลายคนคุ้นเคยในการใช้งานเป็นอย่างดี เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าหรือผู้ที่สนใจได้ทั้งช่องทางที่เป็น organic และเป็นการโฆษณา socila media มีหลากหลายแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, LinkedIn หรือแม้กระทั่งโปรแกรมแชทต่าง ๆ อย่าง Line, Discord, Slack, และ WhatsApp ก็ถือเป็นช่องทางหนึ่งของ social media และน่าทึ่งยิ่งกว่าที่แท้จริงแล้วผู้ใช้ยังใช้ช่องทาง social media นี้ในการเสพ content เกี่ยวกับธุรกิจ จากที่ Instagram ได้มีการรวบรวมข้อมูลและพบว่า 90% ของผู้ใช้ติดตามบัญชีที่เป็นบัญชีธุรกิจ

    1. Video marketing

    Video marketing ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด! โดยคุณสามารถดูจากผลลัพธ์จากการศึกษาเหล่านี้จะพบว่า 70% ของผู้ชมจะตัดสินใจซื้อสินค้านั้น ๆ หลังจากได้เห็นสินค้าบน Youtube (Google) หรือ 96% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมักดูคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับการอธิบายรายละเอียดของสินค้าและบริการ (Wyzowl) ซึ่งจากตัวเลขเหล่านี้ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าการทำการตลาดในรูปแบบวิดีโอถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีประสิทธิภาพ โดยการทำ video marketing มีหลักในการทำ 2 อย่างด้วยกัน ได้แก่ การทำคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอแทนคอนเทนต์รูปแบบเขียนเพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วมากกว่า และสามารถนำไปปรับใช้กับแพลตฟอร์มที่เป็น video-first อย่าง Youtube หรือ TikTok

    1. Advertising

    เป็นช่องทางที่หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องใช้การโฆษณาในเมื่อมีช่องทางแบบ organic ที่เราสามารถทำการตลาดได้ แต่การทำการตลาดแบบ organic หรือ non-paid ไม่ว่าจะบน search engine หรือ social media ต่างก็ใช้เวลานานและมีปัจจัยที่ไม่แน่นอน หากอยากเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ก่อนคู่แข่งของคุณการทำโฆษณาถือเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEM, การทำ Facebook Ads หรือการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มีผู้ใช้งานที่ตรงกับ target ของคุณ

    1. Email marketing

    อีกหนึ่งช่องทางการทำการตลาดที่ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่คุณเลือกด้วยการส่งอีเมล ไม่ว่าจะเป็นการเชิญชวนลูกค้าหน้าใหม่ที่สนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ หรือแม้กระทั่งการชักชวนลูกค้าเดิมให้กลับมาอุดหนุนคุณซ้ำ ๆ โดยอีเมลที่ส่งอาจเป็นแคมเปญต่าง ๆ หรือส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า หรือลูกค้าใหม่เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาและสินค้าของคุณ

    ข้อดีและข้อเสียของแต่ละช่องทาง

    1. Organic search

    ข้อดี:

    • ได้รับ traffic อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อทำการโฆษณา
    • ให้ผลลัพธ์ต่อหลาย ๆ ด้านแบบทวีคูณ
    • คอนเทนต์ SEO สามารถส่งผลต่อช่องทางการทำ marketing ทั้งหมด
    • ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์มากกว่างบประมาณ

    ข้อเสีย:

    • การจะไต่ขึ้นไปเป็นเว็บไซต์อันดับสูง ๆ บนหน้า SERPs ต้องใช้เวลานาน
    • มีความไม่แน่นอนขึ้น เช่น ความผันผวนของอันดับ หรือ search algorithm updates เป็นต้น
    • สำหรับมือใหม่ถือว่าให้ผลตอบแทนช้า
    1. Social media

    ข้อดี:

    • เป็นช่องทางที่คุณสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้โดยตรง
    • เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้อย่างหลากหลายบนแพลตฟอร์ม social media ที่หลากหลาย
    • สามารถสร้าง ad campaigns ที่มีประสิทธิภาพสูงส่งไปยังกลุ่มเป้าหมาย
    • สามารถสร้าง brand loyalty ได้

    ข้อเสีย:

    • ความคิดเห็นในด้านลบอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
    • ต้องอาศัยความต่อเนื่องในการดูแล ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็มีข้อแนะนำในการใช้งานที่แตกต่างกัน
    • การเข้าถึงแบบ organic เป็นไปได้ยากเพราะคู่แข่งที่มีจำนวนมาก
    1. Video marketing

    ข้อดี:

    • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโชว์ผลิตภัณฑ์และความยอดเยี่ยมของมัน
    • Video content มักได้รับความนิยมมากกว่าคอนเทนต์แบบเขียนและสามารถสร้างยอด engagement ได้มากกว่า
    • สามารถนำไปใช้ได้กับหลาย ๆ แพลตฟอร์ม

    ข้อเสีย:

    • ต้องอาศัยทั้งคน เวลา และงบประมาณในการผลิตคอนเทนต์
    • หากต้องมีการอัปเดตคอนเทนต์จะยากกว่าและใช้เวลาในการอัปเดตมากกกว่าคอนเทนต์แบบเขียน
    1. Advertising

    ข้อดี:

    • เป็นเส้นทางที่เห็นผลลัพธ์ได้เร็วที่สุด
    • สามารถตั้งค่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่อยากให้ปรากฏโฆษณาได้
    • สามารถใช้โปรโมทอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ คอนเทนต์ หรือตัวแบรนด์เอง
    • การทำ Ads สามารถทำได้หลาย format และทำได้บนหลากหลาย platform

    ข้อเสีย:

    • ผู้ใช้อาจเกิดอาการ ad fatigue หรืออาการที่ลูกค้าเห็นโฆษณาของคุณบ่อยเกินไปจนรู้สึกรำคาญหรือรู้สึกเฉยๆ จนไม่ให้ความสนใจกับ ad ของคุณ
    • อาจถูกบล็อกด้วยเครื่องมือจาก third-party
    • โฆษณาแย่ ๆ อาจทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์
    1. Email marketing

    ข้อดี:

    • การทำโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูง
    • เป็นช่องทางที่เร็วที่สุดในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เราคัดเลือกไว้
    • เป็นช่องทางในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าและทำ e-Commerce แคมเปญที่ถูกที่สุด
    • ง่ายต่อการวัดผลลัพธ์

    ข้อเสีย:

    • ใช้เวลานานกว่าจะสร้าง email list ที่มีคุณภาพได้
    • หากทำมากเกินไปอาจผิดกฎหมายและกลายเป็นข้อความสแปมได้
    • เป็นเรื่องยากที่จะได้รับความสนใจจาก email ที่มีอยู่มากมายของผู้ใช้

    ที่มาข้อมูล: https://ahrefs.com/blog/marketing-channels/